สารจาก ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย

การพลิกผลประกอบการในไตรมาส 1 ปี 64 ให้กลับมามีกำไรสุทธิ 138 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 199% เมื่อเทียบกับปีก่อน และการที่บริษัทสามารถปิดการขายโครงการต่าง ๆ หลังจัดแคมเปญการตลาดกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่องเป็นผลที่เป็นรูปธรรมของฝีมือการทำงานของคณะกรรมการและผู้บริหาร ทำให้เริ่มเห็นสัญญาณการ turn around จากผลประกอบการ 4 ไตรมาสย้อนหลังที่ปรับตัวดีขึ้น โดยล่าสุดได้ปิดการขายโครงการเดอะ ลอฟท์ สีลม สร้างยอดขายรวมกว่า 100 ยูนิต คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท และอีกหลาย ๆ โครงการในระยะเวลาอันรวดเร็วท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

ผมต้องขอเรียนว่า ความสำเร็จดังกล่าวนี้เป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์ใหม่ทั้งการตลาด การขาย เช่น การปรับภาพพจน์โครงการใหม่ (Re-Branding) ปรับจุดยืนทางการตลาด (Re-Positioning) ขยายฐานลูกค้าโดยเจาะกลุ่มผู้มีอำนาจซื้อในคนช่วงอายุน้อยลง (Young Affluents) ด้วยแนวคิดหลักขององค์กร (Core Value) ที่ให้ความสำคัญในเรื่องดังต่อไปนี้

1) การเน้นลูกค้าเป็นหลัก (Customer Centric) โดยนำความต้องการและความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้ามาเป็นหลักสำคัญในการทำงานเสมอ

2) ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในทุกส่วนงาน (Creativity Centric) เพื่อสร้างความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์ อันจะนำไปสู่ประสบการณ์ที่น่าประทับใจแก่ลูกค้า และ

3) การสร้างคุณค่าที่เกินมูลค่าและความภาคภูมิใจในทุกโครงการ (Value Centric) โดยเน้นคุณภาพ และการใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อที่จะส่งมอบคอนโดมิเนียมที่มีคุณภาพและการบริการที่ดีให้แก่ลูกค้า ภายใต้สโลแกนใหม่ “RML - Luxury Reimagined” หรือ นิยามบทใหม่ของความหรูเหนือระดับ